วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

TRY ARM Fair & Care : "กางเกงในชายมีกันกี่ทรง แล้วผู้ชายรูปร่างแบบไหนควรเลือกกางเกงในทรงไหนดีล่ะ"


"กางเกงในชายมีกันกี่ทรง แล้วผู้ชายรูปร่างแบบไหนควรเลือกกางเกงในทรงไหนดีล่ะ"

ข้อ เขียนและภาพประกอบนี้นำมาจากบทความ "เลือก “กางเกงในชาย” ทรงไหน เนื้อผ้าใด ให้เหมาะกับหนุ่มข้างกาย!?" โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ เผยแพร่เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2553 ที่ http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9530000120743

ซึ่ง เป็นบทสัมภาษณ์ คุณบู้-สมยศ อภิชัยเกรียงไกร เจ้าของโรงงานผู้ผลิตชุดชั้นในชายส่งออก และเจ้าของร้าน M.I.G. แบรนด์ชุดชั้นในชายของไทย โดย Lady Manager

เี่กี่ยวกับกางเกงในชายมีกันกี่ทรง แล้วผู้ชายรูปร่างอย่างไรควรเลือกกางเกงในทรงไหนดีล่ะ กูรูบู้ได้อธิบายว่า...

แบบแรก: บิกินี่
-> รุ่นเบสิก ใส่เอ๊าะยันแก่ กระชับทุกช่วงวัย

กางเกงในสไตล์บิกินี่ ชายไทยทุกคนล้วนมีไว้ถือครองเป็นกรรมสิทธิ์กันทุกช่วงวัย เป็นรุ่นบุกเบิกของวงการกางเกงในชายเลยทีเดียว

“ทรงบิกินี่ (Bikini) จะเป็นรุ่นเบสิก (basic-พื้นฐาน) เลย จริงๆ เหมาะสำหรับผู้ชายที่ผอมน่ะ พวกเด็กชายวัยรุ่น10-20 ปลายๆ ส่วนใหญ่จะใส่รุ่นนี้ เพราะมันจะกระชับ แต่เดี๋ยวนี้พฤติกรรมก็เปลี่ยนไปอีกล่ะ บางทีบ็อกเซอร์ (Boxer) ฮิตไง เด็กก็อยากใส่ ซึ่งเขาไม่ได้คำนึงว่า ใส่ได้หรือไม่ได้

รุ่นพวกนี้มันเป็นเบสิก ราคาค่อนข้างถูก คล้ายๆ สินค้ามีทู (Mee too-คุณทำได้ ผมแจมด้วย) มากกว่าใครๆ ก็ทำ พื้นตลาดมันกว้าง การทำชุดชั้นในก็ต้องมีรุ่นเบสิกอยู่แล้ว กลุ่มลูกค้าก็อายุตั้งแต่10-30 ปี กลุ่มอายุค่อนข้างกว้าง ประหยัด รุ่นนี้ขายดี คนนิยมใส่กันครับ”

แต่จริงๆ แล้ว “ไม่มีให้เลือก” มากกว่า กูรูบู้เผย

“เพราะมันไม่มีให้เลือกไง พวกกางเกงในทรงฮาล์ฟบรีฟ (Half Brief) ที่เข้ามาเมืองไทย เมื่อก่อนมันมาจากพวกเมืองนอกขายบนห้างฯเท่านั้น กางเกงในทรงนี้จะแพงมาก คนที่มีกำลังซื้อบ้านเรายังไม่ค่อยมาก เหมือนกับต้องทนๆ ใส่บิกินี่ ใส่ได้ก็ใส่

เมื่อก่อนมีทรงกางเกงในน้อย ไม่ได้มีตัวเลือกมาก ยังไม่มีใครออกมาทำเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ แต่ตอนนี้เริ่มมีคนทำออกมามากขึ้น ตัวเลือกมากขึ้น แต่ละแบรนด์ก็จะทำทรงของตัวเอง เพื่อจะมาจับกลุ่มลูกค้า”

แบบที่สอง: ฮาล์ฟบรีฟ
-> ของเค้าแรง มาดสปอร์ต ใส่แล้วรัด ล็อกสุดๆ

กางเกงในทรงฮาล์ฟบรีฟ กำลังอินเทรนด์ มาแรงฮิตกระจายในหมู่ชายไทยเลยทีเดียว ใส่แล้วสบายลูกชายหายห่วง กูรูบู้เปิดเผยว่า

“ทรงนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบสวมใส่แบบสบายๆ ใส่ได้ตลอดเวลา ตอนนี้รุ่นนี้กำลังขายดี เพราะเหมือนกับกำลังจะเข้ามาแทนที่กลุ่มบิกิ นี่มากกว่า คือ ราคาแพงขึ้นนิดหน่อย แต่คนก็จะยอมซื้อความสบายมากกว่า ได้ทุกวัยเหมือนกัน แต่คนที่ซื้อจะเป็นช่วงอายุ 20 ปลายๆ ถึง 30 ปีขึ้นไป จะใส่รุ่นนี้เยอะเลย ใส่แล้วมันรัด ล็อกเข้าไปเลย”

ทว่า ขอสงวนสิทธิ์ความฮอตฮิตไว้แค่หนุ่มหุ่นจุ๋มจิ๋มเท่านั้นน่ะ ร่างใหญ่เจ้าเนื้อ ไขมันปลิ้น ..ไม่สามารถค่ะ

“ตอนนี้กางเกงในมีหลายทรงมากขึ้น ถ้าคนที่อ้วนมากๆ เขาจะไม่ใส่พวกทรงฮาล์ฟบรีฟน่ะ บางคนไม่ใส่น่ะ หนีไปใส่บ็อกเซอร์เลย เพราะเขาอ้วนไง ใส่ฮาล์ฟบรีฟก็อึดอัดน่ะ

แต่ทรงฮาล์ฟบรีฟนี้เหมาะกับการเล่นกีฬา ทรงออกสปอร์ต เหมือนพวกแทงก้า (Tanga) แนะนำให้ใส่ สองทรงนี้ไปเล่นกีฬา เพราะโอบกระชับแนบเนื้อดีครับ”

แบบที่สาม: แทงก้า
-> เอ็กซ์ เซ็กซ์ เว้าหน้าขา เก้งกวางชอบอกชอบใจ
ทรงเปิดหน้าขาแทงก้า แต่กล้าแทงป่าวไม่รู้น่ะ แหม ใส่แล้วมันเอ็กซ์โอ้ลัลล้าเย้ายวนน่าจ๊วบเหลือเกิ้น สมาคมชาวเกย์ ไม่ว่าจะเป็นพี่คิง ควีน ไบ โบท น่าจะปลื้มกันทุกนาง

“รุ่นเว้า เปิดหน้าขา รุ่นนี้จะเหมาะสำหรับคนที่กล้าน่ะ คือ จริงๆ พวกเกย์จะชอบรุ่นนี้นะ เพราะมันเอ็กซ์ดี”

แต่จุดประสงค์แท้จริงนั้น กูรูบู้บอกว่า ต้องการแก้ปัญหาของคนที่มีหน้าขาใหญ่

“พวกผู้ชายที่กล้ามเนื้อขาเยอะ ช่วงขาบนใหญ่ ไม่ว่าเขาจะใส่กางเกงในรุ่นไหน จะเป็นขอบผ้า หรือขอบยาง จะแพ้เป็นผื่นหมด ดังนั้นจึงต้องเปิดขาขึ้นมา ไม่ให้โดนเนื้อนั่นเอง

พวกชอบโชว์ของ หรือต้องการใส่แล้วเร้าอารมณ์ผู้หญิงได้ดีสุดๆ ก็รุ่นแทงก้าเลย”

แทงก้าตอบโจทย์ผู้ชายเจ้าเนื้อ นักกล้ามที่ขาใหญ่ล่ำได้ดี เริ่ดกว่าหนีขอบยางเจ็บจี๊ดไปใส่บ็อกเซอร์เยอะ

“หลังๆ มาคนหุ่นใหญ่หันมาซื้อรุ่นแทงก้าเยอะ เพราะเขาไม่มีกางเกงในใส่ไง ซื้อเลย XL เพราะบางคนก็หนีไปใส่บ็อกเซอร์เลย ทนการเสียดสีจากขอบยาง ขอบผ้า ที่หน้าขาไม่ไหว

แต่ยังไงก็ถือว่ายังเป็นกลุ่มค่อนข้างเล็ก ที่ไม่เกี่ยงราคา ตัวเลขสูงเท่าไหร่เขาก็ยอมจ่าย เพราะเขาหาชุดชั้นในใส่ยากไง เขาไม่อยากไปใส่กางเกงขาสั้น เช่น พวกแขกตะวันออกกลาง พอเขาเจอปุ้บ ก็รีบกวาด(กางเกงใน)เลย”

แบบที่สี่: บ็อกเซอร์
-> ไม่เจ็บไข่ ไม่แสบหน้าขา อยู่เหนือการควบคุมใดๆ

หากท่านชายคนใดไม่ผวาไส้เลื่อน ไม่หวั่นท่อนเอ็นตีขาแตก อยู่บ้านนอนแบอ้าตากพัดลมชิวๆ ไล่กลิ่นเหม็นอับของลับก็ต้อง “บ็อกเซอร์” ถูกใจชายทุกไซส์ โดยเฉพาะหุ่นพี่เบิ้ม ไขมันทะลักยิ้มเลย

“บ็อกเซอร์นี่เดี๋ยวนี้วัยรุ่นนิยมใส่กันนะ เพราะบางคนใส่กางเกงเวลาถอดก็ง่ายไง ยังไงก็ยังใส่บ็อกเซอร์อยู่ ถอดได้ง่าย

กลับมาถึงบ้านก็ถอดกางเกง เหลือบ็อกเซอร์อยู่ใส่อยู่บ้าน หรือนอนแต่ถึงอย่างไร ผ้าพวกนี้ก็สบายนะ แนบเนื้อ”

แล้วแขนขาน้องชายไม่แกว่งไกว แล่บออกมาจ๊ะเอ๋โดนไส้เลื่อนเล่นงานเหรอคะกูรู

“มันจะห้อยไหมเหรอ บางคนเขาชินไง แล้วแต่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไรอีก ถ้าเขาถูกเลี้ยงดูโดยใส่บ็อกเซอร์มาตั้งแต่เกิด เขาก็จะชิน เขาจะไม่เป็นไส้เลื่อน เพราะอะไรรู้ไหม เหมือนกับร่างกายเขาปรับตัวเอง คุ้นเคย แต่คนที่ไม่เคยใส่บ็อกเซอร์แล้วไปใส่ บางทีจะเขาเป็นไง เพราะมันถูกอุ้มมาตั้งแต่เด็ก วันดีคืนดีไม่ถูกอุ้มแล้ว มันจะเลื่อนเลย”

แบบสุดท้าย: จีสตริง
-> เจ็บร่องก้นนิดส์ แต่ปลุกกำหนัดนักเชียว

ไม่ใช่กางเกงในเข้าวินหรอกค่ะ เพียงแต่เรียกกันว่า จีสตริง (G-string) เส้นเล็กๆ กระชับสอดรับเข้าง่ามก้น ตอบสนองผู้ชายชอบใส่กางเกงรัดรึงตึงเปรี๊ยะ หวั่นสื่อ หรือประชาชนเห็นขอบกกน. ซึ่งจะดูไม่งามนัก

กูรูบู้ย้ำว่า มีผู้ชายใส่ แต่น้อย ในอนาคตอาจแตกไลน์วางขายจีสตริงสู่ก้นผู้บริโภค

“พวกผู้ชายบางคนเขาก็ใส่กันนะ แต่ยอมรับว่าเดี๋ยวนี้เทรนด์มันก็มา แต่คงไม่ได้ใส่ทุกวัน ก็เหมือนผู้หญิงแหล่ะ วันนี้ชั้นใส่กางเกงแบบนี้ ชั้นก็จะเลือกเลือกใส่กางเกงในจีสตริง เหมือนผู้ชายแหล่ะ บางคนใส่กางเกงรัดรูปเยอะๆ มันจะแนบเนื้อและเห็นขอบกางเกงใน หากใส่จีสตริงก็ไม่เห็นขอบ”

แน่นอน จีสตริงไม่ได้ใส่เสียดสีหนังก้นเป็นประจำ แล้วแต่โอกาสซะเป็นส่วนใหญ่

“แล้วแต่โอกาสมากกว่าครับ ว่าจะใส่ไปทำกิจกรรมอะไร เช่น วันนี้ออกไปเล่นกีฬาก็จะใส่แทงก้า วันนี้เดินเที่ยวกับเพื่อนจะใส่บิกินี่ แต่พอจะมีอะไรกับแฟนก็ใส่จีสตริง อะไรแบบนี้เป็นต้น” กูรูบู้เสริมรายละเอียดวาระ และโอกาสของแต่ละทรงกางเกงใน